ถึงแม้ว่าการเล่นกีฬาจะเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก จึงทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่นั้นมักที่จะมองหากิจกรรมกีฬาเพื่อเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการเสริมสร้างทักษะของเด็กอยู่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าเด็กส่วนใหญ่อาจจะมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป   โดยเด็กบางคนอาจจะมีความชื่นชอบในการเล่นกีฬา จึงหันมาให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬาอยู่เสมอ แต่สำหรับเด็กบางคนอาจจะมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาจจะไม่ได้มีความชอบทางด้านการเล่นกีฬา จึงทำให้ผู้ปกครองมีความกังวลว่าเด็กจะมีพัฒนาการที่ไม่ดี แต่นึกว่าไม่จริงแล้วหากเด็กอยู่ในช่วงของการมีพัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมอื่นๆที่เด็กชื่นชอบ หากเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ย่อมช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้ดีอย่างแน่นอน หากผู้ปกครองคนไหนที่มีความกังวล และอยากให้เด็กได้เล่นกีฬาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการให้เจริญเติบโตได้อย่างสมวัย ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะวันนี้  เครื่องช่วยฟัง ดิจิตอล     เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายง่ายที่จะทำให้ผู้ปกครองนั้นคลายความกังวล เมื่อลูกไม่ชอบเล่นกีฬาจะทำอย่างไรดีวันนี้เรามีคำตอบ การสร้างแรงบันดาลใจให้ลูก รู้หรือไม่ว่า การที่เราคอยสร้างแรงบันดาลใจและสร้างความคุ้นเคยให้กับเด็กทางด้านการเล่นกีฬาอยู่เสมอ เป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้เด็กนั้นหันมาชื่นชอบและหลงรักในการเล่นกีฬา เพราะแน่นอนว่ากีฬาบางประเภทนั้นจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆ ซึ่งจะทำให้เด็กนั้น เกิดความชื่นชอบทางด้านการเล่นกีฬาได้ อีกทั้งหากผู้ปกครองคอยสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกทางด้านการเล่นกีฬาอยู่เสมอ ก็อาจจะทำให้ลูกนั้นหันมารักในการเล่นกีฬาได้นั่นเอง   การเล่นกีฬากับลูกอยู่เสมอ แน่นอนว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เด็กไม่ได้ชื่นชอบหรือไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเล่นกีฬา แต่ผู้ปกครองอยากที่จะส่งเสริมพัฒนาการลูกด้วยการให้ลูกเล่นกีฬา ซึ่งสิ่งสำคัญที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้ามเลยคือ การมองหากิจกรรมกีฬาที่เหมาะสมพี่สามารถเล่นได้ทั้งครอบครัว เพราะการที่เราจะเอาชนะใจของเด็กทางด้านการเล่นกีฬานั้นผู้ปกครองก็ควรที่จะเล่นกีฬากับลูกอยู่เสมอ เพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยและทำให้เด็กมีความสนุกสนานนั่นเอง   ไม่ควรบังคับลูกให้แข่งขันกีฬา ผู้ปกครองส่วนใหญ่มองว่าการที่เราไปบังคับให้เด็กเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอยู่เสมอ จะยิ่งทำให้เด็กรักและหันมาเล่นกีฬาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเด็กไม่ได้ชื่นชอบในการเล่นกีฬาและผู้ปกครองไปบังคับให้เด็กเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอยู่เสมอ จะถือเป็นการบังคับจิตใจของเด็กซึ่งจะยิ่งทำให้เด็กนั้นเกลียดการเล่นกีฬาไปเลยก็ได้ ซึ่งทางที่ดีเราควรที่จะพูดคุยด้วยเหตุผลและไม่ควรที่จะบังคับให้เขาเล่นกีฬา  

การประคบอุ่นและประคบเย็นเป็นวิธีการรักษาที่นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด บวม และตึงของกล้ามเนื้อหรือข้อต่อ การเลือกใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับอาการและช่วงเวลาที่เหมาะสม การประคบทั้งสองแบบมีประโยชน์และวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ให้ถูกต้องสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาได้อย่างมาก การประคบเย็น การประคบเย็นมีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบและบวม โดยเฉพาะในช่วงแรกของการบาดเจ็บ เช่น ภายใน 24-48 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุการณ์ เช่น การหกล้ม การถูกกระแทก หรือการบิดข้อเท้า ซึ่งสามารถทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการไหลเวียนของเลือดบริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งช่วยลดอาการบวมและปวด นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดเฉียบพลันได้ดีอีกด้วย   การประคบเย็นสามารถทำได้โดยการใช้ถุงน้ำแข็ง เจลประคบเย็น หรือแม้กระทั่งผ้าเปียกแช่เย็น วางบนบริเวณที่ต้องการประมาณ 15-20 นาที และสามารถทำซ้ำได้ทุก 1-2 ชั่วโมง ควรระมัดระวังไม่ให้ผิวสัมผัสกับความเย็นโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของผิวหนังได้ เช่น การไหม้เย็น    การประคบอุ่น การประคบอุ่นเหมาะสำหรับการบรรเทาอาการปวดและตึงของกล้ามเนื้อที่เกิดจากความเครียดหรืออาการตึงค้าง เช่น อาการปวดเมื่อยหลังจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือความเครียดที่สะสมในกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ การประคบอุ่นยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่เสียหายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น การประคบอุ่นสามารถทำได้โดยใช้ถุงน้ำร้อน เจลประคบร้อน หรือผ้าเปียกที่ถูกนำไปอุ่นในไมโครเวฟ โดยวางบนบริเวณที่ต้องการประคบประมาณ 15-20 นาที เช่นเดียวกับการประคบเย็น ควรหลีกเลี่ยงการประคบร้อนโดยตรงกับผิวหนังเพื่อป้องกันการไหม้ ควรใช้ผ้าหรือวัสดุคลุมระหว่างผิวกับแหล่งความร้อน   ข้อควรระวัง การประคบเย็น:.