จับนักข่าวฝ่ายต่อต้านกลางอากาศ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศเบลารุส เพราะว่ามีเครื่องบินสายการบินพาณิชย์กำลังบินผ่านน่านฟ้าของเวลารถอยู่ๆก็มีเครื่องบินขับไล่ประกบแล้วบอกว่าให้ลงจอดในพื้นที่ของสนามบินเเบลารุส และได้มีการนำตัวนะคราวคนหนึ่ง ที่ได้เขียนข่าวต่อต้านรัฐบาลเบลารุสออกจากเครื่องบิน 

ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นานาชาติได้ออกมาประนามในการกระทำแบบนี้เราจะมาไล่เรียงกันว่าเหตุการณ์นี้เกิดอะไรขึ้นเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของสายการบินไบรอันแอร์พี่กำลังมุ่งหน้าไปที่ L ทอเรีย

ปรากฏว่าบิลอยู่เหนือน่านฟ้าของเบลารุส ก็ได้ถูกเครื่องบินของมิก 29 ที่เป็นเครื่องบินขับไล่ประกบแล้วบอกให้จอดในเมืองหลวงของเบลารุสโดยมีการอ้างว่าเครื่องบินลำนี้มีการเสี่ยงระเบิดหลังจากนั้นพอเครื่องบินได้ลงจอดแล้วก็ได้มีการนำตัวผู้โดยสารคนหนึ่ง ชื่อว่ารามัญ วัย 26 ปี เป็นผู้สื่อข่าวต่อต้านรัฐบาลแล้วก็ความจริงแล้วเขาลี้ภัยอยู่ต่างแดนและได้มาขึ้นเครื่องบินลำนี้กับเพื่อนสาวชาวรัสเซีย

โดยได้มีการนำทั้งสองคนนี้ออกจากเครื่องบินและหลังจากนั้นก็ได้ปล่อยให้เครื่องบินได้ขึ้นบินต่อเว็บไซต์ได้บอกว่าเครื่องบินได้ถูกสั่งให้ลงจอดในขณะอยู่ห่างจากพรมแดนลิตอเนียอยู่ห่างไม่ไกลอีกนิดเดียว  จับนักข่าวฝ่ายต่อต้านกลางอากาศ  ก็จะเข้านางฟ้าวิคตอเรียแล้ว

ดังนั้นหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเครื่องบินก็ได้ลงจอดที่กรุง ray diaz ที่วิคตอเรียได้อย่างสำเร็จในเวลา 3 ทุ่มกว่าๆตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่ากำหนดเดิมไปถึง 7 ชั่วโมง สำหรับชายที่ถูกจับกุมตัวไป เป็นผู้ก่อตั้งสถานีข่าวเสนอเรื่องราวการประท้วงรัฐบาลต่อต้านประธานาธิบดีAlexanderจึงถูกรัฐบาลเบลารุสขึ้นบัญชีว่ากระทำการเข้าข่ายก่อการร้ายเลยทำให้เขาต้องลี้ภัยไปอยู่ที่โปแลนด์ 

ด้านบรรณาธิการโดยเป็นสื่อที่นักข่าวคนนี้เคยทำงานด้วยได้ทวิตข้อความว่าในเครื่องบินลำนี้มีสายรัดเคจีบี ที่เป็นหน่วยสืบราชการลับของเบลารุสได้ใช้ชื่อเดิมในสมัยโซเวียตได้มีสายรัดมีทีวีอยู่บนเครื่องและได้มีสายแจ้งข่าวว่าจะระเบิด ผู้โดยสารที่มากับเครื่องบินลำดังกล่าวพอลงจากเครื่องมาแล้วก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ 

พอนักข่าวคนนี้รู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาโดยเขาจึงได้บอกผู้โดยสารบนเครื่องบินว่าเขาจะต้องถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอนเพราะว่าถูกข้อหาก่อการร้ายขณะที่ผู้โดยสารอีก 1 คนได้กล่าวว่านักข่าวคนนี้พอรู้ว่าเมื่อเครื่องบินได้กลับลำแล้วก็ได้รีบเปิดช่องเก็บของที่อยู่บนเหนือศีรษะทันทีแล้วก็นำเอา laptop และโทรศัพท์มือถือส่งให้กับเพื่อนสาวที่ได้เดินทางมาด้วยก็หวังว่าเธอจะได้เอาของเหล่านี้ไปต่อ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัคร sbobet โดยตรง

         เมื่อวันที่ 16 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2564    เพจของหมอแล็ลแพนด้าได้มีการโพสต์ภาพเป็นข้อความแชร์ของหญิงสาวรายหนึ่ง  ค่ารักษาเจ็ดแสนกว่าบาท   ซึ่งเธอระบุว่าเธอถูกเรียกเก็บค่ารักษาอาการป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 7 แสนกว่าบาท  ซึ่งเธอระบุอีกด้วยว่าจากที่รัฐบาลได้มีการประกาศว่าหากป่วยติดเชื้อไวรัสโควิดรักษาฟรีได้ทั้งโรงพยาบาลของรัฐและของโรงพยาบาลเอกชนโดยใช้สิทธิ์ Ucep นั้นไม่เป็นความจริง

       หญิงสาวรายดังกล่าวได้มีการโพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัวของเธอและถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างโดยในรายละเอียดของข้อความนั้นเธอเล่าถึงเหตุการณ์ว่าผู้ป่วยนั้นคือคุณพ่อของเธอเองซึ่งพ่อของเธอนั้นมีอาการเหนื่อยเพลียมาเป็นอาทิตย์แล้วเธอและคนในครอบครัวพยายามที่จะติดต่อโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 

        แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนที่จะรับตรวจเลยจนเมื่อวันที่ 23 เดือนเมษายนสามารถเข้ารับตรวจได้ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งหลังจากพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิดก็ขอแอดมิดที่โรงพยาบาลทันทีแต่ปรากฏว่าโรงพยาบาลแจ้งว่าเตียงเต็มต้องรอก่อนซึ่งพ่อของเธอต้องกลับมาที่บ้านแต่หลังจากกลับมาอยู่บ้านแล้วอาการของพ่อยิ่งรุนแรงมากขึ้นเริ่มหายใจไม่ออกวันรุ่งขึ้นเธอจึงได้มีการต่อโรงพยาบาลเดิมอีกครั้งแต่ก็ได้รับการยืนยันเช่นเดิมว่าเตียงเต็มจึงต้องรีบหาโรงพยาบาลอื่นเพื่อให้คุณพ่อของเธอได้เข้ารับการรักษาเพราะเกรงว่าจะไม่ทันการโดยไปที่โรงพยาบาลที่ 2 

          ซึ่งครั้งแรกนั้นทางโรงพยาบาลบอกว่าเตียงเต็มเช่นกันแต่หลังจากนั้นไม่นานทางโรงพยาบาลก็ติดต่อมาว่าตอนนี้มีเตียงสามารถให้ผู้ป่วยแอดมิดได้แล้วแต่ต้องมีการวางเงินเป็นค่ามัดจำจำนวนทั้งสิ้น 1 แสนบาทถึงจะเอาผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้  ค่ารักษาเจ็ดแสนกว่าบาท  ซึ่งแม่ของเธอก็รีบนำเงินไปมัดจำกับทางโรงพยาบาลทันทีหลังจากนั้นพ่อของเธอก็เข้าห้อง ICU ในวันดังกล่าวเอาอย่างไรก็ตามหลังจากที่เข้ารับการรักษาในห้อง ICU ทางโรงพยาบาลมีการส่งยอดบิลมาเรียกเก็บกับคุณแม่ของเธออยู่บ่อยครั้งซึ่งครั้งแรกให้จ่ายสามแสน บาทครั้งต่อมาก็มีการเรียกเก็บเพิ่มโดยรวมยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายนั้นอยู่ที่ 500,000 บาท

            โดยคุณแม่ของเธอต้องหาเงินไปตายเนื่องจากว่ามีเหตุการณ์ถังออกซิเจนมีปัญหาซึ่งคุณแม่ของเธอกลัวว่าอาจจะเกิดจากที่จ่ายเงินให้กับโรงพยาบาลล่าช้าจึงรีบนำเงินไปจ่ายทันทีแต่เพียงไม่กี่วันพ่อของเธอก็เสียชีวิตในช่วงเวลา 3:00 น ของวันที่ 9 เดือนพฤษภาคมหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลแจ้งยอดให้เก็บอีก สองแสนบาทโดยระบุว่าหากไม่จ่ายเงินจำนวนนี้จะไม่สามารถนำศพออกจากโรงพยาบาลและจะไม่มีการออกใบรับรองการมรณะบัตรให้

        อย่างไรก็ตามเธอมองว่ายอดนี้ค่อนข้างสูงเกินไปเพราะยอดรวมทั้งสิ้นแล้วครอบครัวเธอต้องเสีย 7 แสนกว่าบาทเลยทีเดียวในขณะที่เธอก็รู้มาว่าทางรัฐบาลบอกว่าสามารถที่จะรักษาโรคโควิตได้ฟรีและเมื่อเธอติดต่อไปยังหน่วยงาน 1330 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลให้ช่วยประสานงานให้ปรากฏว่าทางโรงพยาบาลยืนยันจะมีการเรียกเก็บยอดนี้โดยระบุว่าเธอเองนั้นมีการย้ายโรงพยาบาลเองซึ่งเธอยืนยันว่าสาเหตุที่ย้ายนั้นเป็นเพราะเต็มและจะได้มีการประสานงานให้โรงพยาบาลแรกออกมายืนยันข้อมูลให้เธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งขณะนี้คงต้องรอว่าโรงพยาบาลที่ 2 และรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

       แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถูกเชือดคอ เมื่อวันที่ 27 เดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2564 ช่วงเวลาประมาณ 14:30 น. ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าชิงทรัพย์ด้วยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในตำบลแม่นาวาง  สำหรับคดีนี้จะมีเจ้าหน้าที่สภ. แม่อายรับเป็นเจ้าหน้าที่ในการตามสืบและจับกุมคนร้ายในคดีนี้ 

       เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงร้านก๋วยเตี๋ยวที่เกิดเหตุนั้นก็พบว่ามีผู้บาดเจ็บอายุประมาณ 63 ปีชื่อว่านางเพ็ญซึ่งเป็นเจ้าของร้านนอนอยู่ภายในร้านและบริเวณภายในร้านนั้นก็มีกองเลือดขนาดใหญ่เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รีบนำร่างผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการอย่างเร่งด่วนโดยถูกส่งไปที่โรงพยาบาลแม่อายอย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าผู้บาดเจ็บนั้นอายุมากแล้วและได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

       เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและมีการสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์จึงได้ทราบว่าผู้เสียชีวิตถูกคนร้ายบุกเข้ามาภายในร้านแล้ว คนร้ายทำทีว่าจะมีการสั่งซื้อของเนื่องจากว่าผู้เสียชีวิตนั้นขายก๋วยเตี๋ยวและยังขายน้ำแข็งใสอีกด้วยระหว่างที่คนร้ายยืนรอให้ผู้เสียชีวิตทำอาหารให้นั้นจังหวะที่ผู้เสียชีวิตเหรอคนร้ายก็ใช้มีดปลายแหลมที่เตรียมมาแทงไปด้านหลังของผู้เสียชีวิต

      แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถูกเชือดคอ หลังจากนั้นก็ใช้มีดปาดไปที่คอของผู้เสียชีวิตจนผู้เสียชีวิตล้มลงหลังจากนั้นก็ลงมือลักทรัพย์ด้วยการกระชากสร้อยที่ผู้เสียชีวิตสวมอยู่ซึ่งเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 3 สลึงหลังจากนั้นคนร้ายก็รีบขี่รถจักรยานยนต์แล้วหลบหนีไปโดยทั้งผู้เห็นเหตุการณ์เห็นว่าคนร้ายนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปทางหมู่บ้านสันต้นหมื้อ  ซึ่งเส้นทางดังกล่าวนั้นพบว่าสามารถที่จะขับทะลุซอยออกไปยังอำเภอฝางได้

      อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบถามรูปประพันสันฐานลักษณะการแต่งกายของคนร้ายโดยละเอียดรวมถึงรถที่ขี่จักรยานว่าเป็นยี่ห้ออะไรทะเบียนอะไรเพื่อที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะสามารถจับคนร้ายได้ในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน 

 สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าคนร้ายก่อเหตุแบบอุกอาจมากซึ่งในร้านขายก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่ได้มีเพียงแค่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่มีอายุมากแล้วเพียงคนเดียวเท่านั้นแต่ยังมีลูกค้าคนอื่นที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวอยู่ในจุดเกิดเหตุอีกด้วยแต่คนร้ายก็ยังลงมือก่อเหตุโดยที่ไม่กลัวว่าคนอื่นจะเห็นเหตุการณ์และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือคนร้ายลงมือก่อเหตุในช่วงเวลากลางวันที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจน  

     เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับคนในหมู่บ้านเป็นอย่างมากซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างขวัญกำลังใจที่ดีให้กับชาวบ้านนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.    บาคาร่า w88