ผัวทิ้งไปมีชู้นานกว่า 10 ปี  เมื่อวันที่ 19 เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2565 เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง ออฟบัส ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศจีน ของเมืองเหลียวหนิง 

สำหรับเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อทางโรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยรายหนึ่งด้วยภาวะเลือดออกในสมองซึ่งผู้ป่วยรายนี้เป็นเพศชายอายุ 38 ปี 

อย่างไรก็ตามอาการของผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างวิกฤตเป็นอย่างมากเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนทางแพทย์จึงจำเป็นที่จะต้องให้ญาติของผู้ป่วยเซ็นยินยอมการผ่าตัดในครั้งนี้ 

           อย่างไรก็ตามในตอนที่ผู้ป่วยรายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลผู้ที่นำมาส่งนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอระบุว่าชายคนดังกล่าวนั้นเป็นสามีของเธอเองแต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้เธอเซ็นยินยอมในการผ่าตัด ปรากฏว่าเธอไม่สามารถทำการเซ็นอนุมัติได้หลังจากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยอ้างว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ป่วย

        เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งอาการของผู้ป่วยชายรายนี้ให้กับภรรยาของเขาทราบพร้อมทั้งแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายวิธีการรักษาพยาบาลต่างๆปรากฏว่าภรรยาของผู้ป่วยรายนี้ยืนยันว่าให้ทางแพทย์ทำการถอดออกซิเจนให้สามีของเธอและเธอไม่ยินยอมให้สามีของเธอเข้ารับการผ่าตัดและเธอยินดีที่จะให้สามีของเธอเสียชีวิต  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างก็พากันตกใจและงงงวยเป็นอย่างมาก 

        สำหรับเหตุผลที่ภรรยาของผู้ป่วยไม่ได้ยอมเซ็นอนุมัติให้ทางโรงพยาบาลผ่าตัดสามีของเธอเนื่องจากว่ามีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากโดยเธอให้เหตุผลกับทางโรงพยาบาลว่าสามีของเธอทิ้งเธอและลูกไปมีผู้หญิงคนอื่นและไม่เคยสนใจดูแลครอบครัวมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปีซึ่งตลอดระยะเวลาเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับลูกเพียงลำพังและหาเงินเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว หญิงสาวรายนี้ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่สามีของเธอหามาได้นั้นใช้ไปกับการเปย์ให้กับภรรยาน้อย ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของสามีของเธอและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น            

         อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลไม่สามารถทำตามความต้องการของภรรยาผู้ป่วยได้เนื่องจากว่าการถอดเครื่องออกซิเจนก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตดังนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้หาข้อมูลเพื่อประสานงานไปยังครอบครัวของผู้ป่วยไทยรายนี้ซึ่งสุดท้ายก็สามารถติดต่อญาติคนอื่นๆให้มาเซ็นยินยอมในการผ่าตัดได้ 

         อย่างไรก็ตามว่าทางโรงพยาบาลจะได้รับการเซ็นยินยอมเอกสารให้มีการผ่าตัดและการรักษาก็เกิดการล่าช้าไปมากซึ่งสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดแต่อาการนั้นยังคงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีผลข้างเคียงจากการรักษาล่าช้าหรือไม่ 

         

สนับสนุนโดย.    ยู ฟ่า สล็อต อันดับ 1