ในโลกออนไลน์ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของหญิงสาววัย 30 ปีรายหนึ่งเธอได้เข้าไปใช้ชีวิตภายในโรงเรียนของลูกสาวของเธอในช่วงที่โควิดกำลังระบาดโดยวันที่เธอเลือกทดลองเข้าไปใช้ชีวิตในโรงเรียนของลูกสาวเธอนั้นตรงกับวันที่ 19 เดือนพฤษภาคม  ปีพ.ศ 2564

โดยเธอให้เหตุผลว่าเธอต้องการทดสอบว่าโรงเรียนมีระบบความรักษาความปลอดภัยที่ปลอดภัยหรือไม่แล้วในต่างประเทศนั้นมักจะเกิดเหตุการณ์อันตรายในโรงเรียนอยู่บ่อยครั้งเช่นเหตุการณ์กราดยิงภายในโรงเรียน 

สำหรับวิธีการของหญิงสาวรายนี้ก็คือ ได้อาศัยช่วงเวลาที่โควิดกำลังระบาดปลอมตัวเป็นลูกสาวของเธอและเข้าไปเรียนภายในโรงเรียนของลูกสาวเธอ

โดยเธอแต่งกายด้วยการสวมเสื้อแขนยาวและมีฮู้ดรวมถึงใส่หน้ากากอนามัยและใส่แว่นตาเนื่องจากว่าความสูงของเธอสูงเพียงแค่ 150 เซนติเมตรและน้ำหนักของเธอก็เพียงแค่ 47 กิโลกรัมเท่านั้นทำให้เธอจึงค่อนข้างตัวเล็กแลดูไม่แตกต่างจากเด็กนักเรียนมากนักซึ่งลูกสาวของเธอก็อายุแค่ 13 ปีเท่านั้น 

จากการเปิดเผยข้อมูลของคุณแม่สาวรายนี้ระบุว่าเพียงแค่เลขบัตรประจำตัวนักเรียนของลูกสาวของเธอเท่านั้นในการแสดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูโรงเรียนก็สามารถผ่านเข้ามาภายในโรงเรียนและเดินไปทั่วทั้งโรงเรียนได้นอกจากนี้คุณแม่สาวรายนี้ยังได้เข้าไปนั่งเรียนในชั้นเรียนที่มีคุณครูสอนอยู่

ซึ่งครูผู้สอนก็ไม่ได้สนใจเลยเนื่องจากในวันดังกล่าวนั้นมีการเรียนทั้งระบบออนไลน์และระบบออฟไลน์นั่นเอง

อย่างไรก็ตามเรื่องราวของคุณแม่สาวรายนี้ถูกเปิดเผยเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนแล้วเนื่องจากว่าในขณะที่อยู่ภายในโรงเรียนนั้นก็ได้อัดคลิปเก็บเอาไว้หลังจากนั้นก็นำไปโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียซึ่งทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากโดยเธอระบุว่าสาเหตุที่เธอต้องทำแบบนี้เพราะเธออยากจะเห็นว่าภายในโรงเรียนนั้นมีระบบความรักษาความปลอดภัยที่ดีหรือไม่

เพราะปัจจุบันสังคมที่เธออยู่อาศัยนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องของกลากยิงในโรงเรียนอยู่เสมอเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆเธอจึงอยากรู้ว่าโรงเรียนมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไรซึ่งจะเห็นแล้วว่าโรงเรียนนั้นไม่มีมาตรการความปลอดภัยที่เพียงพอต่อเด็กๆเลย 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องราวของคุณแม่รายนี้ที่ถูกเปิดเผยไปในโลกออนไลน์ ล่าสุดก็ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกโรงเรียนซึ่งทางด้านผู้พิพากษาเองไม่ได้ลงโทษหนักมากนักเพียงแค่คุมความประพฤติของเธอเป็นระยะเวลานาน 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีการปรับเป็นเงิน 700 ดอลลาร์รวมถึงให้เธอรับสังคมประมาณ 100 ชั่วโมงเท่านั้นเอง

 

สนับสนุนโดย    gclub เว็บตรง

คนไทยส่วนใหญ่เห็นค่าแรงที่ประเทศเกาหลีใต้ค่อนข้างสูงจึงทำให้อยากกินรักษาไปแบบผิดกฎหมายโดยไม่สนใจความปลอดภัยในการอยู่ต่างแดนซึ่งการบินลัดฟ้าโดยที่ผิดกฎหมายไม่มีกฎหมายใดคุ้มครองหากเกิดกรณีฉุกเฉินอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตเขาให้ การทำเรื่องกับใครนั้นยุ่งยากและไม่มีใครช่วยเหลือในเรื่องของเอกสาร เพราะว่า เป็นการ เข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย 

ซึ่งส่วนมากหากใครไปแบบถูกกฎหมายเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิตทางสถานทูตก็จะดูแลและมีเงินส่วนกลางช่วยเหลือ

แต่ประเทศไทยล่าสุดที่เป็นกระแสของคนที่ไปเป็นแรงงานต่างด้าวในประเทศเกาหลีใต้นั้นหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าผีน้อย ล่าสุดเลยคือหนุ่มชาวลำปางเดินทางบินลัดฟ้าไปทำงานอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้แต่เกิดป่วยขั้นรุนแรงเข้าโรงพยาบาลต้องรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก

โดยทำการผ่าตัดจำนวน 2 ครั้งค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 800,000 บาท ซึ่งเป็นเงินค่อนข้างเยอะไม่สามารถที่จะจ่ายให้กับทางโรงพยาบาลได้ถึงแม้ว่าหนุ่มรายนี้จะไปทำงาน ตั้งแต่ปี 2561 จนถึง 2565 จนถึงขั้นป่วยเข้าโรงพยาบาลล่าสุดนี้ และได้ร้องขอการช่วยเหลือไปยังสถานทูตเกาหลีแต่ทางสถานทูตไม่สามารถช่วยเหลือค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด

และอย่างเต็มที่ เพราะเป็นการเข้ามาแบบผิดกฎหมาย จึงอยากจะแนะนำให้คนไทยที่ยังมีความคิดที่อยากจะเดินทางบินลัดฟ้าไปทำงานต่างประเทศอย่างเกาหลีใต้ให้ลงทะเบียนแบบถูกกฎหมายโดยมีบริษัทนายจ้างที่ชัดเจนรับรองเงินกฎหมาย ดังนั้นหากใครที่อยากทำงานแบบ ให้ลงทะเบียนกลับไทยก่อน

แล้วสาทำแบบถูกกฎหมายให้เข้าไปลงทะเบียนได้ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 จะไม่โดนปรับและหากมีเหตุเกิดขึ้นแล้วทางสถานทูตทราบว่ามาแบบผิดกฎหมายจะไม่ช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้นเพราะถือว่ามีการแจ้งข่าวให้ทราบก่อนหน้าแล้วและหากใครยังอยู่และโดนทางตมเกาหลีใต้จับได้นั้นโดนปรับ 8 แสนบาท

และเริ่มลงทะเบียนหรือรายงานตัวได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรืออยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมให้โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 1345 จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำและอธิบายรายละเอียดแบบชัดเจน เข้าใจทุกคนว่าอยากจะมีรายได้ที่สูงขึ้นเพราะประเทศไทยนั้นค่าแรงต่อวันค่อนข้างน้อย

ซึ่งเปรียบกับประเทศเกาหลีใต้ค่าแรงชั่วโมงละ 263 บาทหากทำงานครบ 8 ชั่วโมง ก็จะได้ 2,107 บาทซึ่งหากคิดครบทั้งเดือนแล้วนั้นรายได้เฉลี่ยตกเดือนละ 50,000-60,000 บาทแล้วแต่นายจ้างให้เพิ่มเติม ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยที่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้นั้นแนะนำให้คนไทยไปแบบถูกกฎหมายเพราะทางระบบมีการควบคุมดูแลอย่างปลอดภัยไม่ถูกนายจ้างเอารัฐเอาเปรียบอยู่แบบสบายใจ

โดยที่ไม่ต้องหลบซ่อนหาที่อยู่ไปเรื่อยๆแค่ลงทะเบียนรายงานตัวกลับไทยก่อนแล้วค่อย เดินทางกลับไปทำงานที่เกาหลีใต้ใหม่อีกครั้งแบบถูกกฎหมายจะดีกว่า

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    Ufabet เข้าสู่ระบบ

           มีการเปิดเผยออกมาจากข่าวช่อง 3 ว่ามีคุณยายวัย 73 ปีรายหนึ่งได้มีการติดต่อมาที่ช่อง 3 เพื่อต้องการให้ช่วยประกาศตามหาแม่ของเด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนึง ให้ติดต่อมาหาคุณยายเพื่อให้มารับลูกที่ฝากคุณยายเลี้ยงไว้เมื่อ 7 ปีก่อนกลับคืนไปเนื่องจากว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของคุณยายกำลังย่ำแย่ไม่มีเงินและไม่มีงานไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กหญิงวัย 7 ขวบได้อีกต่อไป

        จากการที่ทางช่อง 3 ได้มีการพูดคุยกับคุณยายวัย 73 ปีรายนี้ระบุว่าเมื่อช่วง 7 ปีก่อนที่ผ่านมานั้นได้มีคนงานชาวกัมพูชาคลอดลูกออกมาแล้ว

นำเด็กมาฝากเลี้ยง โดยมีการจ้างคุณยายเลี้ยง  ซึ่งในขณะนั้นเด็กอายุเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นโดยในตอนนั้นคุณนายยังมีอาชีพเปิดร้านขายของชำอยู่จึงสามารถรับเลี้ยงเด็กไปด้วยได้ 

          อย่างไรก็ตามเมื่อเลี้ยงได้ 3 เดือนปรากฏว่าแม่ของเด็กไม่เคยมาเยี่ยมเด็กไม่เคยมารับเด็กไปเลี้ยงดูเองรวมถึงไม่ยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูให้กับคุณยายด้วยดังนั้นคุณยายจึงบอกให้แม่เด็กนำเด็กกลับคืนไปเพราะไม่สามารถเลี้ยงเด็กได้อีกต่อไปซึ่งในครั้งนั้นแม่ของเด็กได้รับเด็กไปแล้ว

นำไปขายต่อให้กับคนอื่นในราคา 10,000 บาทเมื่อคุณยายรู้เรื่องก็เกิดความสงสารเด็กจึงได้มีการติดต่อไปยังหัวหน้างานของพ่อแม่ของเด็กรายนี้เพื่อให้นำตัวเด็กกลับคืนมาแล้วรับปากว่าจะเลี้ยงดูให้ 

         อย่างไรก็ตามหลังจากที่คุณยายได้เด็กกลับคืนมาพ่อแม่ของเด็กก็ไม่เคยหันมาสนใจดูแลเด็กอีกเลยและปล่อยให้เด็กอยู่กับคุณยายตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาซึ่งในขณะนี้คุณยายไม่สามารถขายของได้อีกต่อไปเนื่องจากว่าอายุมากแล้วทุกวันนี้อาศัยเงินจากเงินบำนาญเพียงเท่านั้น 

จึงอยากจะให้ทางหรือช่วยประกาศตามหาพ่อแม่ของเด็กเพื่อให้พ่อแม่ของเด็กนั้นมารับเด็กกลับไปเลี้ยงดูเพราะถึงแม้ว่าจะรักเหมือนลูกมากแค่ไหนแต่ในตอนนี้อายุมากแล้วไม่มีปัญญาส่งเด็กให้เรียนหนังสือสูงๆได้ 

        อย่างไรก็ตามนักข่าวได้มีการเข้าไปพูดคุยกับเพื่อนบ้านของคุณยายรายนี้ซึ่งเพื่อนบ้านทุกคนให้ข้อมูลตรงกันว่าคุณยายรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้วและดูแลอย่างดีเลี้ยงดูเหมือนลูกมาโดยตลอดแต่เนื่องจากว่าครอบครัวของคุณยายนั้นอยู่กันสองคนตายายและไม่มีรายได้จึงไม่สามารถที่จะเลี้ยงเด็กได้อีกต่อไปทางประธานชุมชนจึงอยากวอนขอให้คนใจดีช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินให้กับครอบครัวของคุณยายเพื่อจะได้นำเงินมาเลี้ยงดูเด็กต่อไป

หรือถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะบริจาคได้ก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับตัวเด็กเพื่อไปเลี้ยงดูอุปการะต่อไป   เนื่องจากคนในชุมชนเชื่อว่าพ่อแม่ของเด็กนั้นน่าจะกลับประเทศกัมพูชาไปแล้วและตัดสินใจทิ้งเด็กคนนี้ไว้ในประเทศไทยแล้วดังนั้นการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือจะเป็นการดีที่สุด 

       

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    ufabet

           เมื่อวันที่ 19 เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2565 เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง ออฟบัส ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวมาจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศจีน ของเมืองเหลียวหนิง  สำหรับเรื่องดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อทางโรงพยาบาลได้รับผู้ป่วยรายหนึ่งด้วยภาวะเลือดออกในสมองซึ่งผู้ป่วยรายนี้เป็นเพศชายอายุ 38 ปี

  อย่างไรก็ตามอาการของผู้ป่วยรายนี้ค่อนข้างวิกฤตเป็นอย่างมากเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วนทางแพทย์จึงจำเป็นที่จะต้องให้ญาติของผู้ป่วยเซ็นยินยอมการผ่าตัดในครั้งนี้ 

           อย่างไรก็ตามในตอนที่ผู้ป่วยรายนี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลผู้ที่นำมาส่งนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอระบุว่าชายคนดังกล่าวนั้นเป็นสามีของเธอเองแต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลให้เธอเซ็นยินยอมในการผ่าตัด ปรากฏว่าเธอไม่สามารถทำการเซ็นอนุมัติได้

หลังจากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวอีกคนหนึ่งเดินทางมาที่โรงพยาบาลโดยอ้างว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ป่วย

        เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งอาการของผู้ป่วยชายรายนี้ให้กับภรรยาของเขาทราบพร้อมทั้งแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของค่าใช้จ่ายวิธีการรักษาพยาบาลต่างๆปรากฏว่าภรรยาของผู้ป่วยรายนี้ยืนยันว่าให้ทางแพทย์ทำการถอดออกซิเจนให้สามีของเธอและเธอไม่ยินยอมให้สามีของเธอเข้ารับการผ่าตัดและเธอยินดีที่จะให้สามีของเธอเสียชีวิต  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต่างก็พากันตกใจและงงงวยเป็นอย่างมาก 

        สำหรับเหตุผลที่ภรรยาของผู้ป่วยไม่ได้ยอมเซ็นอนุมัติให้ทางโรงพยาบาลผ่าตัดสามีของเธอเนื่องจากว่ามีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากโดยเธอให้เหตุผลกับทางโรงพยาบาลว่าสามีของเธอทิ้งเธอและลูกไปมีผู้หญิงคนอื่นและไม่เคยสนใจดูแลครอบครัวมาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี

ซึ่งตลอดระยะเวลาเธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับลูกเพียงลำพังและหาเงินเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว หญิงสาวรายนี้ยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ที่สามีของเธอหามาได้นั้นใช้ไปกับการเปย์ให้กับภรรยาน้อย ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นที่ต้องรับผิดชอบชีวิตของสามีของเธอและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น            

         อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลไม่สามารถทำตามความต้องการของภรรยาผู้ป่วยได้เนื่องจากว่าการถอดเครื่องออกซิเจนก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตดังนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงได้หาข้อมูลเพื่อประสานงานไปยังครอบครัวของผู้ป่วยไทยรายนี้ซึ่งสุดท้ายก็สามารถติดต่อญาติคนอื่นๆให้มาเซ็นยินยอมในการผ่าตัดได้ 

         อย่างไรก็ตามว่าทางโรงพยาบาลจะได้รับการเซ็นยินยอมเอกสารให้มีการผ่าตัดและการรักษาก็เกิดการล่าช้าไปมากซึ่งสุดท้ายแล้วถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะได้รับการผ่าตัดแต่อาการนั้นยังคงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีผลข้างเคียงจากการรักษาล่าช้าหรือไม่ 

 

สนับสนุนโดย  ufabet เว็บตรง

             เว็บไซต์ชื่อดังของประเทศจีนอย่างเว็บ South China morning Post ได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่มีการยื่นเรื่องต่อศาลให้ช่วยพิจารณาพินัยกรรมของลูกชายที่ทำเอาไว้ก่อนเสียชีวิตโดยพินัยกรรมดังกล่าวนั้นได้มีการเขียนยกทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองให้กับแฟนสาวซึ่งทรัพย์สินนั้นมีมูลค่ามากกว่า 5 ล้านหยวนเลยทีเดียว

        สำหรับเรื่องราวที่เปิดเผยนี้มีการเปิดเผยเมื่อวันที่ 23 เดือนกรกฎาคม ปีพ.ศ. 2565  เมื่อชายชาวจีนคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองอู่ฮั่น  มณฑลหูเป่ยได้เสียชีวิต

ลูกชายหลงแฟน ยกทรัพย์สิน ลงหลังจากนั้นพ่อแม่ของชายหนุ่มรายนี้พบว่าลูกชายได้มีการทำพินัยกรรมก่อนเสียชีวิตยกทรัพย์สินทั้งหมดของตนเองให้กับแฟนสาวซึ่งทั้งคู่เพิ่งคบหากันได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น 

        อย่างไรก็ตามเมื่อพ่อแม่ของฝ่ายชายทราบเรื่องจึงได้มีการยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้พิจารณาเกี่ยวกับพินัยกรรมใหม่โดยพ่อกับแม่ของฝ่ายชายนั้นยืนยันว่าทั้งคู่ยังไม่ได้จดทะเบียนและแต่งงานกันดังนั้นฝ่ายหญิงจึงไม่สมควรได้รับทรัพย์สินของฝ่ายชายเมื่อเจ้าของมรดกเสียชีวิตจำเป็นที่จะต้องนำมรดกทั้งหมดกลับคืนสู่พ่อแม่

        นอกจากนี้หนึ่งในมรดกที่ลูกชายได้มีการเขียนพินัยกรรมให้กับแฟนสาวนั้นคือบ้านที่ลูกชายอาศัยอยู่ก่อนที่จะเสียชีวิตและบ้านหลังดังกล่าวนั้นเป็นพ่อกับแม่ที่เป็นคนออกเงินซื้อให้  ดังนั้นผู้มีสิทธิ์ในบ้านหลังเก่าตามกฎหมายก็ควรจะเป็นพ่อกับแม่ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมโดย

       อย่างไรก็ตามหลังจากที่ศาลได้มีการรับเรื่องและพิจารณาแล้วได้มีการเชิญทั้งสองฝ่ายมาทำการไกล่เกลี่ยกันแต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้

เกี่ยวกับเรื่องของทรัพย์สินซึ่งมีการไกล่เกลี่ยกันถึง 5 ครั้งเลยทีเดียวสุดท้ายศาลก็มีคำสั่งออกมาว่าบ้านที่พ่อแม่ของฝ่ายชายมี  สล็อต ufabet เว็บตรง   การยื่นเรื่องต่อศาลนั้นให้มีการคืนให้กับพ่อแม่ของฝ่ายชายส่วนทรัพย์สินอื่นๆไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือแม้แต่เงินสดให้ตกเป็นของแฟนสาวตามพินัยกรรมที่มีการระบุเอาไว้ 

        นอกจากนี้ศาลยังได้มีคำสั่งให้พ่อกับแม่ของฝ่ายชายจ่ายเงินให้กับแฟนสาวของลูกชายตนเองประมาณ 600000 หยวนเพื่อเป็นค่ารักษาทรัพย์สิน   

       หลังจากที่ข้อมูลการตัดสินของศาลถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ผู้คนต่างก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันเป็นอย่างมากบางคนมองว่าทรัพย์สินทั้งหมดนั้นควรจะตกเป็นของพ่อกับแม่เนื่องจากเป็นเรื่องของวัฒนธรรมทางสังคมของประเทศจีนซึ่งพ่อแม่นั้นจะได้รับมรดกจากลูกตามกฎหมายหากลูกเสียชีวิตก่อนแต่ในขณะเดียวกันก็มี Social บางส่วนให้ยึดตามพินัยกรรมที่เจ้าของทรัพย์สินได้มีการทำเอาไว้

 เจ้าของบ้านช็อก หลังปล่อยให้สาวสวยเช่าบ้านอยู่กับสามี เจอสภาพบ้านเหมือนผีสิงพร้อมยังค้างค่าไฟอีก 40,000 บาท

      สำหรับธุรกิจที่ปล่อยให้เช่าห้องพักหรือเช่าบ้านพักนั้นปัจจุบันนี้เรามักจะได้ยินข่าวอยู่บ่อยครั้งว่าผู้เช่านั้นได้หนีเดี๋ยวจ่ายค่าเช่านอกจากนี้บางแห่งนั้นยังค้างค่าน้ำค่าไฟอีกหลายพันหลายหมื่นบาทกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามข่าวส่วนใหญ่ที่เราเห็นในปัจจุบันนอกจากจะมีปัญหาเรื่องของผู้เช่าไม่ยอมจ่ายค่าเช่าและหลบหนีไปแล้วยังเจอกับปัญหาว่าผู้เช่านั้นมักสร้างความเสียหายให้กับเจ้าของบ้านด้วยกัน

ทำให้บ้านนั้นสกปรกซึ่งเรามักจะเห็นเจ้าของห้องเช่าหรือบ้านเช่าโพสต์ภาพสภาพบ้านหลังจากเข้ามาดูเมื่อผู้เช่าหนีไปแล้วให้เห็นอยู่เป็นประจำ

      ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ. 2565 มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งระบุว่าตนเองนั้นเป็นเจ้าของบ้านเช่าซึ่งเธอนั้นปล่อยเช่าบ้านแถวถนนประชาอุทิศให้กับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นสาวสวยหน้าตาดีมาขอเช่าทำสัญญา 3 ปี

 

และได้อยู่กับสามีของเธออย่างไรก็ตามในช่วงแรกที่มาอยู่นั้นผู้เช่าจ่ายค่าเช่าตรงทุกเดือนแต่หลังอยู่ได้เพียงแค่ประมาณ 10 เดือนเท่านั้นผู้เช่าก็ไม่ยอมจ่ายเงินค่าเช่าห้องทำให้เจ้าของห้องเช่านั้นได้ตัดสินใจที่จะเข้าไปดูเนื่องจากติดต่อผู้เช่าไม่ได้แต่เมื่อไปถึงก็พบสภาพบ้านที่เละเทะเป็นอย่างมาก

            นอกจากนี้ยังพบว่าผู้เช่านั้นได้ค้างทั้งค่าไฟและค่าน้ำนานกว่า 9 เดือนซึ่งมูลค่าความเสียหายนั้นเป็นเงินกว่า 40,000 บาทและที่สำคัญทางการไฟฟ้าและการประปาก็ได้มีการมาถอดมิเตอร์ไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นเดียวกัน

         สำหรับสภาพบ้านที่หญิงสาวคนดังกล่าวนำมาโพสต์ในโลกออนไลน์นั้นเรียกได้ว่าเละเทะเป็นอย่างมากเนื่องจากว่าประตูบ้านนั้นถูกทุบทำลายนอกจากนี้ยังมีการเอาสีมาเขียนตามผนังและนำมาพ่นตามประตูและฝาผนังอีกด้วย  ส่วนบริเวณกระเบื้องชั้น 1 ก็พบว่ามีการเอาปูนมาเททับ

  และสิ่งที่ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกร้อนเป็นอย่างมากก็คือประตูหน้าบ้านทางเข้านั้นมีการ เขียนอักขระโบราณเอาไว้เป็นตัวหนังสือขนาดใหญ่เรียกได้ว่าตั้งแต่หน้าประตูไปจนถึงภายในบริเวณบ้านทั้งหมดนั้นสภาพดูไม่ได้เสียหายหมดทุกจุดทำให้เจ้าของบ้านนั้นรู้สึกช็อกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

       อย่างไรก็ตามเจ้าของบ้านยังได้มีการโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เธอขาดรายได้ไปหลายเดือนเลยทีเดียวเพราะเธอนั้นจะต้องมีการปรับปรุงบ้านใหม่ทั้งหมดทำการ Renovate ใหม่

ซึ่งเธอมองว่าการ Renovate ใหม่ในครั้งนี้นั้นเธออาจจะต้องเสียเงินอีกหลายแสนบาทนอกจากนี้เธอยังต้องไปทำการเคลียร์เรื่องของค่าน้ำค่าไฟอีกหลายหมื่นบาทอีกด้วย

       อย่างไรก็ตามเจ้าของบ้านได้มีการระบุว่าในขณะนี้เธอได้นำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความดำเนินคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นยังไม่ได้มีการแจ้งความคืบหน้าในเรื่องของการติดตามตัวสองสามีภรรยามาดำเนินคดีแต่อย่างใด 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย  ทางเข้า UFABET ภาษาไทย

              เมื่อวันที่ 18 เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2565   ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งโพสต์ข้อความลงใน Facebook ส่วนตัวพร้อมกับมีการถ่ายคลิปให้ดูว่าเขาเจอเรื่องราวที่ไม่คาดฝันซึ่งอาจจะทำให้เขานั้นได้รับอันตรายถึงกับชีวิตได้เลยทีเดียว

โดยเขาได้มีการเขียนข้อความรู้ว่าเขาต้องการกินน้ำหวานเย็นชื่นใจจึงได้มีการโทรสั่งน้ำผ่านแอปเดลิเวอรี่ โดยที่เลือกสั่งมาจากร้านค้าแห่งหนึ่ง

    เจ้าของโพสต์ยังระบุด้วยว่าในขณะที่กินน้ำหวานได้ประมาณครึ่งแก้วเขารู้สึกแปลกๆจึงได้ลองเปิดแก้วน้ำหวานดูพบว่ามีน้ำแข็งบางส่วนนั้นมีรูปร่างหน้าตาแปลกๆเมื่อตักออกมาดูก็ต้องตกใจเพราะชิ้นส่วนที่คิดว่าคือน้ำแข็งนั้นแท้ที่จริงแล้วเป็นเศษแก้วที่แตกซึ่งในคลิปนั้นจะเห็นได้ว่ามีมากมายหลายชิ้นเลยทีเดียว 

       ตามรายงานข่าวมีการระบุด้วยว่าใช้เจ้าของโพสต์นั้นชื่อว่านายสุพัฒน์เขาได้มีการสั่งซื้อเครื่องดื่มมาจากร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ภายในพื้นที่ของจังหวัดลำปางโดยสั่งมาด้วยกันทั้งหมด 6 แก้วซึ่งเครื่องดื่มที่เขาสั่งนั้นเป็นประเภทชานมโดยคิดค่าบริการแก้วละ 15 บาท

  โดยนายสุพัฒน์เล่าว่าหลังจากที่พนักงาน Rider นำเครื่องดื่มมาส่งเขาก็เอาเครื่องดื่มออกมากินก่อน 1 แก้ว เนื่องจากว่าเขารู้สึกหิวมากอยากจะกินอะไรให้ชื่นใจแต่เมื่อลองดูดน้ำไปแล้วปรากฏว่าเขารู้สึกแปลกๆก็เลยได้มีการเปิดแก้วขึ้นมาดูจึงเห็นว่ามีเศษแก้วอยู่ข้างใน

โดยในตอนแรกเขาไม่แน่ใจว่ามันคือเศษแก้วหรือมันเป็นน้ำแข็งเขาจึงได้ลองเอาหลอดเขี่ยดูและพอมั่นใจว่ามันคือเศษ แก้ว เขาก็เลยถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานหลังจากนั้นก็นำคลิปมาโพสใน Facebook ของตนเอง 

         อย่างไรก็ตามนายสุพัฒน์ได้มาอัพเดทข้อมูลด้วยว่าหลังจากที่เขามีการโพสต์ข้อความลงในโซเ****ลและเป็นข่าวโด่งดังที่มีกระแสแชร์กันไปเป็นวงกว้างทำให้เจ้าของร้านที่เป็นร้านเครื่องดื่มที่เขาเจอเศษแก้วในแก้วเครื่องดื่มมีการติดต่อมาและทางเจ้าของร้านก็ติดต่อมาขอโทษพร้อมกับจะแสดงความรับผิดชอบ

         โดยทางเจ้าของร้านยอมรับว่าได้มีการใช้แก้วในการตัดน้ำแข็งจริงแต่ทางร้านไม่เห็นตอนที่ตักน้ำแข็งใส่แก้วเอามาให้ลูกค้า  เว็บพนันสล็อต    ซึ่งทางร้านสันนิษฐานว่าตอนที่เอาแก้วทิ้งไว้ในถังน้ำแข็งความเย็นน่าจะทำให้แก้วแตกแล้วพนักงานอาจจะไม่เห็นคิดว่ามันเป็นน้ำแข็งจึงตักรวมมาใส่กับแก้วเครื่องดื่มจนลูกค้ามาเจอนั่นเอง

      อย่างไรก็ตามนายสุพัฒน์กล่าวว่าทางร้านรับผิดชอบด้วยการทำเครื่องดื่มส่งมาให้ใหม่และกล่าวขอโทษซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้ติดใจอะไรเพียงแต่ต้องการให้ทางร้านระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้าได้นั่นเอง 

         ไรเดอร์หัวร้อน ฉุนแฟน เมื่อวันที่ 19 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพ.ศ. 2565 ได้มีการรายงานข่าวเหตุการณ์ที่มีการใช้กันอยู่ในโลกออนไลน์เป็นคลิปที่พนักงานไรเดอร์บริษัทสีเขียวได้บุกเข้าไปทีในคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งแล้วอาละวาดทะเลาะกับพนักงานภายในร้านพร้อมกับพูดจาไม่สุภาพ

  โชคดีที่เหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่มีเรื่องบานปลายถึงขั้นชกต่อยกันโดยผู้ที่นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์นั้นเป็นพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นคนที่ถูก ไรเดอร์ หนุ่มหัวร้อนด่าทอด้วยคำหยาบคาย 

         หลังจากเรื่องนี้มีการใช้กันในโลกออนไลน์ผู้สื่อข่าวของช่อง 3 ก็ได้มีการลงพื้นที่เพื่อไปสอบถามข้อมูลทันที

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นระบุว่าเกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์โดยเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในคลินิกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตำบลสะเดียง   มีคลิปจากกล้องวงจรปิดของคลีนิคสามารถจับภาพได้ทั้งหมด

โดยเริ่มตั้งแต่ Rider หนุ่มนั้นขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดที่บริเวณหน้าร้านหลังจากนั้นก็เปิดประตูร้านคลีนิคเข้ามาซึ่งในขณะนั้นมีลูกค้าผู้หญิงมาคอยต่อคิวรอใช้บริการอยู่ประมาณ 5-6 คน

      เมื่อ ไรเดอร์ หัวร้อนคนดังกล่าวเปิดประตูทางเข้ามาก็ตะโกนถามหาแฟนตัวเองทันทีซึ่งในขณะนั้นพนักงานคนอื่นก็เข้ามาเคลียร์ให้เพราะไม่อยากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะกัน

อย่างไรก็ตามไรเดอร์ กลับตะโกนด่าทอว่าพนักงานคนอื่นๆด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพนอกจากนี้ยังมีการท้าทายให้พนักงานผู้ชายคนที่นำคลิปมาโพสต์ออกไปต่อสู้กันนอกร้านอีกด้วยจนทำให้พนักงานผู้หญิงและลูกค้าที่มาใช้บริการต่างก็พากันหวาดกลัวเกรงว่าไรเดอร์หัวร้อนจะมีการพกอาวุธปืนมาด้วยเนื่องจากว่าเรามักพบเห็นข่าวเป็นประจำที่แฟนหนุ่มทะเลาะกับแฟนสาวแล้วก่อเหตุฆ่ากันตาย 

        อย่างไรก็ตามโชคดีมากที่เหตุการณ์ในครั้งนี้ในเด้อหัวร้อนไม่ได้มีการพกอาวุธได้มาซึ่งระหว่างที่หนุ่มหัวร้อนกำลังอะโวยวายอยู่นั้นพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ก็ตัดสินใจที่จะโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาระงับเหตุ

อย่างไรก็ตามไรเดอร์หนุ่ม โวยวายไม่นานก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปแต่ก่อนจะออกไปก็ได้มีการตะโกนบอกว่าจะกลับมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง

        ซึ่งผ่านไปไม่นานรายไรเดอร์หัวร้อนก็กลับมาอีกรอบ ครั้งนี้มาพร้อมกับผู้หญิงอีก 2 คนมาตะโกนตามหาแฟนตัวเองเหมือนเดิมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้ามาระงับเหตุได้ทันและมีการเรียกตัวแฟนสาวของ Rider หัวร้อนมาพูดคุยเพื่อให้เคลียร์กับแฟนหนุ่มให้ชัดเจนก่อนจะแยกย้ายกันไปและไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆเกิดขึ้น

 

สนับสนุนโดย  gclubเครดิตฟรี50

      เก๋งสติหลุดขับรถไล่ชนคน  เมื่อวันที่ 14 เดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2565 ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอซึ่งเป็นคลิปภาพเหตุการณ์ที่มีคนกลุ่มใหญ่ทะเลาะวิวาทกัน

โดยภายในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายภาพที่มีการเผยแพร่กันในโลกออนไลน์นั้นมีทั้งหมด 2 คลิปซึ่งคาดว่าจะเป็นเหตุการณ์เดียวกันโดยในคลิปแรกที่มีการเปิดเผยออกมานั้นเป็นคลิปที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนตรงจุดที่เกิดเหตุทันทีซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคน 10 กว่าคนกำลังชกต่อยทะเลาะวิวาทกันอยู่บนถนนเส้นหนึ่ง

ซึ่งมีการขว้างเก้าอี้ใส่กันอยู่แถวบริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยผู้ที่โพสต์คลิปดังกล่าวไม่ได้มีการระบุว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นเกิดเหตุที่ร้านชื่อว่าอะไรและอยู่บนถนนเส้นไหนหรือจังหวัดไหน

        นอกจากนี้ยังมีอีกคลิปนึงที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์ซึ่งคลิปนี้เป็นการถ่ายจากโทรศัพท์มือถือซึ่งคาดว่าน่าจะมีการถ่ายจากคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดโดยในคลิปจะเห็นได้ว่ามีรถเก๋งสีขาวคันหนึ่งขับเวียนไปมาพยายามขับพุ่งเข้าหาคน

โดยมีการพุ่งเข้าชนคนหนึ่งคนหลังจากนั้นก็ยังมีการพยายามที่จะพุ่งชนคนอื่นๆอีกอย่างไร  ufabet     ก็ตามหลังจากที่พยายามพุ่งรถเข้าชนคนอยู่ได้สักพักหนึ่งคนขับรถคันดังกล่าวก็ได้ขับรถหลบหนีไปซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่าในระหว่างที่รถพยายามขับเฉี่ยวไปชนคนอยู่นั้นก็มีผู้คนพยายามที่จะนำสิ่งของปลาใส่ไปที่รถคันดังกล่าวอยู่เป็นระยะอีกด้วย 

          หลังจากทั้ง 2 คลิปนั้นถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ผู้คนก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมากเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในคลิปนั้นเป็นเหตุการณ์ที่โอกาสเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าถ้าใครอยู่ในเหตุการณ์ก็อยู่ในช่วงระทึกขวัญเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

  ดังนั้นชาวโซเชียลจึงพยายามค้นหาว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดไหนและเกิดขึ้นแถวบริเวณเส้นถนนอะไรแต่ก็ไม่สามารถที่จะหาข้อมูลได้ล่าสุดได้มีการเปิดเผยออกมาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ประเทศเวียดนามไม่ใช่ที่ประเทศไทย 

        สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในคลิปถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของต่างประเทศและเราอยู่ประเทศไทยแต่เราก็สามารถรับรู้เรื่องราวของชาวต่างชาติได้ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศเวียดนามเท่านั้น

แต่เรายังสามารถรับรู้เรื่องราวของหลายประเทศทั่วโลกได้เพียงเชื่อมต่อผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ตเท่านั้นเพราะตอนนี้หากที่ไหนมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตเราก็สามารถรับรู้ข่าวสารของทั่วทุกมุมโลกได้นั่นแสดงให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตมีความสำคัญต่อชีวิตคนเราเป็นอย่างมากเลยทีเดียวทำให้เรานั้นสามารถรับรู้ข่าวสารและติดต่อสื่อสารกันได้ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม 

 น้องเบส คำสิงห์ ลูกของคุณสมรักษ์คำสิงห์ที่เป็นอดีตนักมวยไทย ที่ได้แชมป์โลก เธอได้ประกาศโสด สามารถทักจีบได้ ซึ่งทำให้บรรดาแฟนคลับ สงสัยว่า เลิกกับแฟนหนุ่มคนตงตง จริงหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีข่าว กระแสที่ไม่ดี มามากมาย ทางด้านลบ ของทั้งคู่ ที่ได้คบหาดูใจกันมาก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ ดูสวีทหวานและข้างรักกันมาก

โดยการถ่ายคลิปวีดีโอลงช่อง YouTube ให้บรรดาแฟนคลับได้รับชมความน่ารักและความเป็นตัวเองของทั้งสองคน ให้ทางแฟนคลับได้ชม จากนั้นก็มีดราม่ามาเรื่อยๆ ว่าทั้งคู่นั้น ได้เริ่มห่างกัน ดูความรักไม่หวานชื่นเหมือนตอนแรกที่ดูคลั่งรักกันมากพักหลังๆทางคุณเบสและคุณตงตง นอนดูไม่ค่อย หวานเป็นเหมือนช่วงแรก

และบรรดาแฟนคลับ ก็เริ่มสังเกต มาเรื่อยๆ ณ วันที่คุณเบสรับปริญญา จบการศึกษา ทางคุณตงตง ได้เดินทางไปร่วมแสดงความยินดี ที่มหาวิทยาลัย

แต่กลับ ไม่ได้รับรอยยิ้มที่แสนชื่นหวาน ของน้องเบสเลย มีแต่ภาพทำหน้านิ่ง คลิปวีดีโอที่ทำหน้านิ่ง จึงทำให้บรรดาแฟนคลับ ทั้งสองฝ่ายเริ่มสงสัยว่ามีเหตุอะไร ถึงทำให้น้องเบสผู้คลั่งรัก แสดงสีหน้าท่าทางออกมาแบบนั้น จึงคิดว่า ทั้งสอง ได้เลิกลากันไปแล้วหรือเปล่าแต่ยังไม่ได้มีประกาศให้ทางโซเชียลได้รับรู้และแฟนคลับ

แต่ก็ ไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่แฟนคลับคิดทั้งคู่ยังรักกันดีฝ่ายชายได้มาออกสื่อสัมภาษณ์ว่าน้องคงจะเครียดเกี่ยวกับเรื่องงาน โดยส่วนตัวทั้งสองไม่ได้มีปัญหาอะไรกันยังรักกันดีแต่ช่วงหลังๆงานเยอะเลยไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่ บรรดาแฟนคลับก็ต่างพากันเฮ ที่ทั้งสองยังไม่ได้เลิกลากัน แต่เมื่อ ล่าสุด วันที่ 15 เมษายน 2566

คุณเบสเองนั้นได้มีการลงสตอรี่ส่วนตัวทาง IG ว่าโสด และสามารถทักจีบได้ จากนั้นยังไม่พอทาง IG ของทางคุณเบสยัง ได้เริ่มเป็นเพื่อนกับทางแฟนหนุ่มคนตงตง เรียบร้อย และลบรูปคู่ของทั้งคู่ออกหมดทั้ง IG แต่ทางของฝั่งฝ่ายชาย ยังมีรูปคู่ เหมือนเดิมและยังไม่ได้เลิกติดตามทางคุณเบสแต่อย่างใด

แต่คงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทางคุณเบสน่าจะจบความสัมพันธ์กับทางคุณตงตง จริงในครั้งนี้ แฟนคลับก็ต่างพากันให้กำลังใจทางคุณเบส ว่าให้สู้ต่อไป เป็นผู้หญิงแกร่งที่สามารถช่วยปลดหนี้ให้กับครอบครัวที่เคยล้มละลายมาก่อนหน้านี้ขอให้ผ่าน เรื่องนี้ไปได้โดยเร็วให้ฝ่าฟันอุปสรรคช่วงนี้ไปให้ได้

แฟนคลับ ก็น่ารักให้กำลังใจของคุณเบสต่อไปซึ่งเธอเองก็ยังมีผลงานได้เป็นนางเอกละครที่กำลังอ่อนแออยู่ช่วงนี้ ก็สามารถรับชมความน่ารักของน้องผ่านทาง ช่อง ละครที่น้องแสดง หรือติดตาม YouTube ของน้องเบส ได้อีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย      ีดฟิำะ